365WECARE

Lecithin-phosphatidylcholine (เลซิติน)

 

   เลซิทิน (Lecithin) คือ สารธรรมชาติที่เกิดจากการรวมตัวของกลีเซอรอล กรดไขมัน และกรดฟอสฟอริก มีคุณสมบัติมหัศจรรย์ที่จะคอยดักจับไขมันในกระแสเลือด เลซินทินจัดเป็นสารสำคัญที่มีความจำเป็นต่อการทำงานของร่างกายหลายระบบ และดีต่อ “สมองและระบบประสาท” เป็นอย่างมาก เลซิติน เป็นสารที่จำเป็นต่อการสร้างโคลีน ซึ่งเซลล์ประสาทจะนำไปใช้สังเคราะห์เป็น อะซิติลโคลีน (Acetylcholine) สารนี้ทำหน้าที่หล่อเลี้ยงเซลล์ประสาท ช่วยในการส่งข้อมูลระหว่างเซลล์สมอง และระหว่างสมองกับการสั่งงานไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย อีกทั้งยังมีผลต่อการเสริมสร้างความจำและลดอาการหลงลืม

 

   หากอยากได้รับเลซิทินก็ต้องเลือกรับประทานอาหารที่เป็นแหล่งสะสม พบมากในไข่แดง ถั่วเหลือง เมล็ดทานตะวัน ตับ และบริเวอร์ยีสต์ (ยีสต์ที่เพาะไว้เพื่อใช้เป็นอาหารเสริมโดยเฉพาะ) แต่น่าเสียดายที่การปรุงอาหารด้วยกรรมวิธีต่างๆ ที่ผ่านความร้อน เช่น ทอด ย่าง ต้ม อาจทำให้เลซิทินถูกทำลายไปมาก ดังนั้น หากต้องได้รับเลซิทินในปริมาณที่เพียงพอต่อการบำรุงสมอง จึงแนะนำให้กินผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเลซิทินที่สกัดจากธรรมชาติเพิ่มเติม

 

 

ประโยชน์ ของเลซิติน 

ʕ·ᴥ·ʔ เลซิติน ช่วยป้องกันและสลายโคเลสเตอรอล หรือไขมันที่อุดตันในหลอดเลือด จึงนิยมในกันมากในผู้ที่มีปัญหาไขมันอุดตันในหลอดเลือด

ʕ·ᴥ·ʔ Phosphaticylcholine ซึ่งให้สารโคลีน เป็นสารตั้งต้นของสารสื่อประเภท อะเซททิลโคลีน จะช่วยให้ความจำ และความสามารถในการเรียนรู้ดีขึ้น

ʕ·ᴥ·ʔ ช่วยให้การทำงานของตับมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ʕ·ᴥ·ʔ ลดการอุดตันของถุงน้ำดี (Gall Stones)

ʕ·ᴥ·ʔ ให้สารอิโนซิทอล (Inositol) ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยบำรุงเซลล์ประสาท ทำให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น

ʕ·ᴥ·ʔ ป้องกัน และรักษาโรคความจำเสื่อม (Alzheimer s disease)แต่ ยังอยู่ในระหว่างการศึกษา

ʕ·ᴥ·ʔ รักษา ท่อน้ำนมอุดตัน

ʕ·ᴥ·ʔ ช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามินเอ ดี อี และเค ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

เลซิติน (Lecithin) หาได้จากที่ไหน ?

 

  •  เลซิติน (Lecithin) พบได้ตามธรรมชาติจาก 2 แหล่ง ที่สำคัญคือ ร่างกายมนุษย์ สามารถผลิตเลซิตินขึ้นได้เองที่ ตับ สารตั้งต้นที่ร่างกายใช้ผลิตเลซิติน เช่น กรดไขมันจำเป็น วิตามินบี และสารอาหารสำคัญอื่นๆ หากร่างกายได้รับสารอาหารต่างๆ เหล่านี้ไม่เพียงพอ จะส่งผลให้ร่างกายขาดเลซิตินได้ แหล่งธรรมชาติสามารถพบเลซิติน ได้ทั้งในพืชและสัตว์ โดยจะพบมากในไข่แดง ถั่วเหลือง เมล็ดทานตะวัน ถั่วลิสง จมูกข้าวสาลี เป็นต้น แต่อาหารเหล่านี้ก็จะให้ไขมันโคเลสเตอรอลสูงตามไปด้วย

 

  •  การทานเลซิติน (Lecithin) เสริมจึงมีความจำเป็นอย่างมาก ปัจจุบันเลซิตินมักจะสกัดได้จากไข่แดงและถั่วเหลือง ซึ่งถั่วเหลืองจะเป็นแหล่งที่ดีในการสกัดเลซิติน เพราะไม่มีไขมันโคเลสเตอรอล และยังอุดมไปด้วยโปรตีนที่มีคุณค่าต่อร่างกายมากกว่า โดยร่างกายของเราต้องการเลซิตินวันละ 6 กรัม ส่วน Choline ต้องการวันละ 0.6-1 กรัม ซึ่งในอดีตไม่ค่อยพบว่ามีการขาดสารเลซิติน แต่ปัจจุบันคนนิยมทานอาหารที่มีไขมันต่ำ จึงอาจจะทำให้เกิดการขาดสารเลซิตินได้

 

 

เลซิติน (Lecithin) ช่วยบำรุงสมอง เสริมความจำ 

 

   จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของ อเดลล์ เดวิส นักโภชนาการชาวสหรัฐฯ ได้รายงานว่าในร่างกายของคนที่มีสุขภาพดีจะมีสารเลซิตินอยู่ในสมองถึง 30% ของน้ำหนักทั้งหมด เลซิตินจึงมีความสำคัญต่อการบำรุงสมอง ปัจจุบันการรักษาทางการแพทย์ได้ใช้เลซิตินในการบำรุงสมอง และบำบัดโรคทางสมองต่าง ๆ เช่น Parkinson s Disease, Alzheimer s Disease, Tardive Dyskinesia ซึ่งเป็นโรคทางสมอง ที่เกิดจากเซลล์ประสาทขาดสาร Acetylcholine หรือคนชราที่ป่วยเป็นโรคความจำเสื่อม พบว่าบางคนอาจจะมีอาการดีขึ้นเมื่อได้รับประทานเลซิติน วันละ 25 กรัม เป็นเวลาหลาย ๆ เดือนติดต่อกัน และการศึกษาในผู้ที่เป็นโรคความจำเสื่อม (Alzheimer s Disease) ระยะเริ่มแรก พบว่าการให้โคลีนเป็นระยะเวลา 6 เดือนจะช่วยให้ความจำดีขึ้นได้ หรือการให้โคลีนร่วมกับยาที่ใช้รักษา (Cholinesterase inhibitors) ก็ทำให้มีการพัฒนาความสามารถที่ต้องใช้ความจำด้วย

 

 

เลซิติน (Lecithin) ช่วยบำรุงตับ และลดภาวะไขมันพอกตับ ⚡ 

 

   สารสำคัญที่พบในเลซิติน (Lecithin) คือ ฟอสฟาทิดิลโคลีน (Phosphatidylcholine) เป็นสารที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ทุกชนิดในร่างกาย รวมทั้งเซลล์ตับ นอกจากนี้ฟอสฟาทิดิลโคลีนยังมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเกิดความผิดปกติจากยา แอลกอฮอล์ สารเคมี สารพิษต่างๆ ที่จะทำลายตับ ดังนั้นฟอสฟาทิดิลโคลีนในเลซิตินจึงมีบทบาทในการช่วยซ่อมแซมเซลล์ตับได้

 

 

การใช้เลซิติน (Lecithin) ในการบรรเทาโรคตับชนิดต่างๆ

 

  1. 1. โรคตับจากแอลกอฮอล์

จากรายงานทางการแพทย์ของ Lieber และคณะในปี ค.ศ. 2003 โดยมีผู้ป่วยเข้าร่วมการศึกษาทั้งหมด 789 ราย จะได้รับฟอสฟาทิดิลโคลีน จากผลการตรวจชิ้นเนื้อของตับที่ 24 เดือน หลังจากการรักษาพบว่าผู้ป่วยโรคตับจากแอลกอฮอล์ที่ได้รับฟอสฟาทิดิลโคลีน มีแนวโน้มที่ดีและค่าเอมไซม์ของตับดีขึ้น

 

  1. 2. โรคตับจากยา

จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่ามีการศึกษาการป้องกันตับอักเสบในผู้ป่วยที่รับยาต้านวัณโรค จำนวนคนไข้ 340 คน โดยได้รับยาต้านวัณโรคร่วมกับฟอสฟาทิดิลโคลีน 900 มิลลิกรัมต่อวัน เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับฟอสฟาทิดิลโคลีน พบว่ากลุ่มคนไข้ที่ได้รับยาต้านวัณโรคร่วมกับฟอสฟาทิดิลโคลีน ไม่พบค่าความผิดปกติของค่าเอมไซม์ของตับ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับฟอสฟาทิดิลโคลีน กลับพบว่าค่าเอมไซม์ของตับสูงขึ้นกว่าปกติ

 

  1. 3. โรคตับจากภาวะไขมันพอกตับ

ไขมันพอกตับหรือที่เรียกว่า Nonalcoholic fatty liver disease (NAFLD) หมายถึงภาวะที่มีไขมันอยู่ในเซลล์ตับโดยที่คนนั้นไม่ได้ดื่มสุรา เซลล์ไขมันนี้จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายหรืออักเสบกับตับในระยะแรก แต่ก็มีผู้ป่วยบางส่วนที่ไขมันทำให้เกิดการอักเสบของตับ จนในที่สุดก็จะเป็นโรคตับแข็ง Cirrhosis

 

 

ขนาดและวิธีรับประทาน

 ปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการกินผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเลซิทินคือ 1,200 – 2,400 กรัมต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณที่พอดีกับการรับประทานเพื่อบำรุงสมอง

 หากต้องการรับประทานเพื่อลดระดับคอเลสเตอรอลก็สามารถรับประทานได้ในปริมาณ 2,400 – 3,600 มิลลิกรัมต่อวัน

 

1. Phyllis A. Balch. Stress. In: a member of Penguin Group (USA) Inc. Prescription for Nutritional Healing. Forth Edition. New York: AVERY; 2006. p. 88.

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

365wecare call365wecare Line365wecare Facebook365wecare Tiktok

ฝ่ายบริการลูกค้า

080-365-3696

ติดตามเราได้ที่

หน้าหลัก

shopping_cart
0

ตะกร้าสินค้า

แบรนด์

โปรโมชั่น