แบรนด์
บทความ
ไมเกรน (Migraine) คืออะไร? สาเหตุและอาการที่พบบ่อย
แผลกดทับ (Bed sore) คืออะไร? สาเหตุ อาการ และแนวทางป้องกัน
เส้นเลือดขอด (Varicose Vein) คืออะไร? สาเหตุ อาการ และปัจจัยเสี่ยง
ภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin Allergy) คืออะไร? สาเหตุ อาการ และการป้องกัน
ริดสีดวงทวารหนัก (Hemorrhoids) คืออะไร? อาการและสาเหตุที่ควรรู้
กระดูกพรุน (Osteoporosis) คืออะไร? ปัจจัยเสี่ยงและอันตรายที่ควรรู้
ความจำเสื่อมและอัลไซเมอร์ (Dementia/Alzheimer’s) คืออะไร? อาการและความสำคัญในการดูแล
โรคเก๊าท์ (Gout) คืออะไร? สาเหตุและความเสี่ยงจากกรดยูริกสูง
ความดันโลหิตสูง (Hypertension) คืออะไร? สาเหตุและความเสี่ยงที่ควรรู้
ท้องผูก (Constipation) คืออะไร? สาเหตุและผลกระทบที่ควรรู้
กรดไหลย้อน (GERD) คืออะไร? สาเหตุและอาการที่ควรรู้
ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ (Respiratory Allergy) คืออะไร? อาการและชนิดที่พบได้บ่อย
ตาแห้ง (Dry Eyes) คืออะไร? สาเหตุ อาการ และการดูแลเบื้องต้น
สิว (Acne) คืออะไร? สาเหตุและประเภทที่ควรรู้
ผมร่วง (Hair Loss) คืออะไร? สาเหตุและระดับที่ถือว่าปกติ
เวชสำอางสำหรับสิว (Acne Dermocosmetics)
ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด (Sun Block& Sun Screen)
ผิวริ้วรอย..แก่ก่อนวัย (Wrinkle Skin)
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis)
แผ่นมาส์กผิวหน้า (Facial mask)
ผิวบอบบางแพ้ง่าย (Sensitive skin)
ฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ
แชมพูกำจัดรังแค (Anti-Dandruff Shampoo)
ผลิตภัณฑ์ป้องกันผมร่วง (Anti-Hair loss Shampoo)
หนังศีรษะบอบบาง (Sensitive scalp Shampoo)
ผิวแตกลาย (Anti Stretch Mark)
ผลิตภัณฑ์สำหรับจุดซ่อนเร้น
กลุ่มอโรมาเธอราพี (Aromatherapy)
บำรุงรอบดวงตา เคล็ดลับลดรอยคล้ำและริ้วรอยให้ดูอ่อนเยาว์
ผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับเด็ก
สเปรย์น้ำทะเล เจือจางพ่นหรือล้างจมูก
อุปกรณ์ล้างจมูก (Nasal Rinsing System) คืออะไร? ประโยชน์และวิธีใช้งานที่ควรรู้
น้ำเกลือ (Normal Saline)
อุปกรณ์วัดออกซิเจนปลายนิ้ว (Fingertip Oximeter) คืออะไร? วิธีใช้งานและการอ่านค่า
ถุงให้อาหาร (Nutrition Bag) คืออะไร? คุณสมบัติและการใช้งานสำหรับผู้ป่วยให้อาหารทางสายยาง
เครื่องวัดความดันโลหิต (Blood Pressure Monitor) คืออะไร ประเภท วิธีใช้ และสิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อ
ที่นอนลม (Mattress) คืออะไร? ประเภทและคุณสมบัติที่เหมาะกับผู้ป่วยติดเตียง
เบาะเจลป้องกันแผลกดทับ Anti-Bedsore Gel Cushion
รถเข็นผู้ป่วย (Wheel Chair) คืออะไร? ประโยชน์และสิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกใช้
เครื่องตรวจวัดน้ำตาลในเลือด (Blood Glucose Monitor) คืออะไร? คุณสมบัติและใครบ้างที่ควรใช้
พลาสเตอร์และอุปกรณ์ทำแผล (Bandage & Wound Dressing) คืออะไร? วิธีใช้ที่ถูกต้องเพื่อลดการติดเชื้อ
อุปกรณ์อุปกรณ์พยุงหลัง (Back Support) คืออะไร? ประโยชน์และการใช้งานสำหรับผู้มีอาการปวดหลังหลัง (Back Support)
แผ่นแปะเท้าและแก้ปวดเมื่อย (Foot Pads and Medicated Plaster)
ทิชชู่เปียกและผ้าเปียก (Cleansing Wipes)
ผ้ายืดสวมประคอง (Elastic Bandage) คืออะไร? คุณสมบัติและประโยชน์
สารอาหาร
กระชายดำ (Krachaidum)
เห็ดหลินจือ (Reishi)
ผลกุหลาบป่า (Rose Hip)
หลินจือสกัด (Lingzhi Extract)
D-Manose
Licorice (Glycyrrhiza glabra)
แอล-ซิสเทอีน L-Cysteine
สารสกัดจากมิลเลท Millet Extract
วาเลอเลียน (Valerian)
ทีทรีออยล์ (Tea tree oil)
วิตามินรวม (Multi-Vitamins)
Echinacea (เอคไคเนเชีย) คืออะไร? สมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกันและบรรเทาอาการหวัด
คอนโดรอิติน (Chondroitin)
น้ำมันโบราจ Borage Oil
สารสกัดเมล่อน Melon Extract (SOD)
วิธีสั่งซื้อ
ร้องโคลิก คือ ภาวะที่ทารกร้องไห้มากผิดปกติ โดยมักเริ่มตั้งแต่อายุ 2–3 สัปดาห์ และพบบ่อยที่สุดช่วง 6–8 สัปดาห์ อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเมื่ออายุประมาณ 3–4 เดือน เด็กที่มีภาวะนี้ยังคงมีสุขภาพและการเจริญเติบโตปกติ เพียงแต่ร้องกวนมากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน ติดต่อกันหลายสัปดาห์ ภาวะโคลิกไม่อันตรายต่อทารก แต่หากผู้ปกครองไม่เข้าใจ อาจเกิดความเครียดได้ การเรียนรู้วิธีปลอบและทำความเข้าใจกับภาวะนี้จึงช่วยให้ดูแลลูกได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น
ภาวะโคลิก เป็นภาวะที่มีการร้องกวนมากขึ้นกว่าปกติในเด็กทารก พบได้ 10-40% ในทารกทั่วไป ในช่วงแรกเกิดทารก มักจะนอนหลับเป็นส่วนใหญ่ ไม่ร้องกวน เมื่ออายุประมาณ 2-3 สัปดาห์จะมีการร้องกวนมากขึ้นอย่างเฉียบพลันโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด มักร้องมากที่สุดที่อายุ 6-8 สัปดาห์ ที่อายุ 3-4 เดือนการร้องจะลดลงเหลือ 1 ชั่วโมงต่อวันและหายไปในที่สุด ภาวะดังกล่าวมักเป็นไปตาม rule of 3 ได้แก่ 1) มีอาการมากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน 2) เป็นมากกว่า 3 วันต่อสัปดาห์ และติดต่อกันนานกว่า 3 สัปดาห์ โดยเด็กทารกที่มีอาการจะมีสุขภาพดี การเจริญเติบโตปกติและไม่มีปัญหาเรื่องดูดนม การร้องจากภาวะโคลิกไม่ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตใดๆของทารก อย่างไรก็ตามหากผู้ปกครองไม่เข้าใจภาวะดังกล่าวอาจนำมาสู่ความเสี่ยงต่อภาวะเครียดและการทารุณกรรมในเด็กได้
อาการร้องมักเป็นช่วงอายุ 2-3 สัปดาห์แรก มักมีอาการในช่วงเวลาเดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นช่วงเย็นถึงค่ำ ต่างจากการร้องในเวลาอื่นที่ปลอบได้ง่ายและไม่นาน
สาเหตุของการเกิดโคลิกยังไม่ทราบแน่นอน แต่คิดว่าเกิดจากหลายสาเหตุร่วมกัน คือ
ปัจจุบันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวในการรักษาโคลิก เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุแน่นอน แต่จะพยายามลดสาเหตุของการเกิด ได้แก่
ถึงแม้ว่าการรักษาโคลิกค่อนข้างยาก เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอนและอาจเกิดจากหลายปัจจัย แต่ข้อสำคัญ คือ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ต้องทำใจ และต้องใช้เวลา อดทนในการดูแลลูกน้อย ทั้งนี้ขณะที่เด็กร้อง สิ่งที่ผู้ปกครองสามารถทำได้เพื่อบรรเทาอาการ มีดังนี้
จดจำเวลาที่ลูกเริ่มร้อง ฉวยจังหวะก่อนถึงเวลานั้น อุ้มหนูน้อยในท่าพาดบ่า ท่านอนคว่ำบนท่อนแขน หรือกอดกระชับแนบอกจนได้ยินเสียงหัวใจแม่เต้น แล้วพาออกไปนั่งรถ เดินเล่นรอบบ้าน หรือนั่งบนเก้าอี้โยกเบาๆ
✿ อย่าให้เด็กอยู่ในที่ที่มีสิ่งกระตุ้น เช่น เสียงดัง แสงรบกวน
✿ จับเด็กอุ้มพาดบ่า เด็กจะรู้สึกสบายขึ้น และช่วยดันลมในท้องออกมาด้วย
✿ นวดตัวเด็ก หรือเขย่าเบาๆไปมา ลูบหลังให้
✿ เปิดเพลงเบาๆให้ฟัง เพื่อจะให้เด็กรู้สึกผ่อนคลาย
✿ อย่าปล่อยให้เด็กร้องนานโดยไม่เข้าไปดูแล
✿ หาคนช่วยดูเด็ก เพื่อแม่จะได้พักบ้าง เช่น คุณพ่อช่วย หรือพี่เลี้ยงมาสลับ เพื่อลดความเครียดของแม่
✿ ดูว่าเด็กร้องเพราะหิวนมหรือไม่ เพราะเด็กที่หิวนมก็จะร้องกวนพอได้กินนมจะหยุดร้อง
✿ การห่อหุ้มตัวทารกด้วยผ้าในลักษณะเลียนแบบการตั้งครรภ์ จะช่วยให้เด็กๆ รับรู้ถึงถึงความอบอุ่น ปลอดภัย
✿ คุณแม่ต้องสังเกตตัวเองด้วยว่าการดื่มกาแฟ น้ำอัดลม อาหารรสเผ็ดจัด อาจส่งผ่านไปทางน้ำนมสู่ลูก ลองงดอาหารเหล่านั้นดูราว 1 สัปดาห์ และสังเกตว่าลูกยังมีอาการร้องโคลิกอยู่หรือไม่
✿ จับนั่งหรือทำให้เรอ บางครั้งท่าป้อนนม หรือจุกนมที่ไม่เหมาะสม ก็ทำให้เกิดลมในท้องของทารกได้ แม้ว่าการมีลมในท้องมากเกินไปจะไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริงของโคลิก แต่ก็จะทำให้เด็กๆ ร้องไห้เพราะอึดอัดนะคะ
✿ เด็กมีอาการร้องมาก ร้องนานในครั้งแรกซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาอาการ หรือความเจ็บป่วยอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการคล้ายโคลิก ซึ่งแพทย์จะซักประวัติอาการ ตรวจร่างกาย หรือหาวิธีการวินิจฉัยโรค อื่นๆ เพื่อตัดโรคที่ทำให้เกิดอาการคล้ายโคลิกออกไป เพื่อให้เด็กได้รับการรักษาที่ถูกต้อง
✿ เด็กมีการร้องมาก ร้องเป็นพักๆ หรือมีอาการผิดปกติอื่น เช่น มีไข้ ตัวร้อน อาเจียน อุจจาระผิดปกติ เช่น อุจจาระมีสีแดงเหมือนแยม (Currant jelly stool) ซึ่งอาจเป็นอาการของลำไส้กลืนกัน การรีบไปพบแพทย์โดยเฉพาะเมื่อเริ่มต้นมีอาการจะทำให้การรักษาง่ายขึ้น อาจไม่ต้องผ่าตัด
✿ เด็กมีอาการร้องเสียงแหบ มีอาการหายใจผิดปกติ อาจต้องระวังเรื่องการสำลักสิ่งแปลกปลอม ต้องรีบพาไปพบแพทย์ทันที
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
สินค้าของแท้
ส่งเร็วทันใจ
เปลี่ยน/คืนได้ภายใน 14 วัน
รีวิวมากมายจากผู้ใช้จริง