จอประสาทตาเสื่อม (Macular Degeneration) คือภาวะเรื้อรังที่นาไปสู่การสูญเสียการมองเห็นมีสาเหตุจากการเสื่อมในส่วนกลางของจอประสาทตาซึ่งเป็นบริเวณที่รับภาพได้ชัดเจน พบได้มากเมื่ออายุมากขึ้นโดยช่วงแรกจะไม่แสดงอาการใดๆปรากฏให้เห็นและการดาเนินของโรคจะเป็นไปอย่างช้าๆ จึงแนะนาให้บุคคลที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ซึ่งโรคจอประสาทตาเสื่อมเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น อายุที่เพิ่มขึ้น การสูบบุหรี่ โรคอ้วน แสงแดด การที่ ผลิตภัณฑ์สำหรับ จอประสาทตาเสื่อม (Macular Degeneration) ที่เราแนะนำ
❖ จอประสาทตาเสื่อมแบบแห้ง (dry macular degeneration) มีลักษณะของจอประสาทตาที่บางลง บริเวณศูนย์กลางจอประสาทตาเริ่มเสื่อมลง ตรวจพบว่ามีจุดสีเหลืองบริเวณจอรับภาพตรงกลางของจอประสาทตา ที่ชื่อว่า drusen อยู่ใต้ผนังชั้นนอกสุดของจอ สามารถทาลายเซลล์รับแสงได้ มักไม่แสดงอาการของโรคปรากฏให้เห็น อาจส่งผลให้ความสามารถในการมองเห็นลดลงอย่างช้าๆ เห็นภาพบิดเบี้ยว มองภาพไม่ชัด ต้องใช้แสงในการมองมากกว่าปกติและอาจมีการดาเนินของโรคไปเป็นจอประสาทตาเสื่อมแบบเปียกได้ อาการจอประสาทเสื่อมชนิดแห้ง อาการในช่วงแรก ผู้ป่วยอาจมองเห็นภาพเบลอและจุดดำหรือจุดบอดตรงกลางภาพ เมื่อเวลาผ่านไป จุดดำในภาพจะเริ่มขยายใหญ่ซึ่งส่งผลต่อการมองเห็น ทำให้อ่านหนังสือลำบากหรือมองเห็นรายละเอียดไม่ชัด อาการจอประสาทเสื่อมชนิดเปียก ทำให้ผู้ป่วยมองเห็นภาพบิดเบี้ยว พร่ามัว เห็นจุดดำขนาดใหญ่ในภาพซึ่งเป็นผลมาจากการที่เลือดไหลไปอยู่ในจุดรับภาพ อาการโดยทั่วไปที่เหมือนกันของโรคจอประสาทตาเสื่อมทั้ง 2 ประเภท มีดังนี้ ▶ มองภาพบิดเบี้ยว ▶ มองในที่สว่างไม่ชัด หรือแพ้แสง ▶ ปรับสายตาจากการมองเห็นในที่มืดมาที่สว่างไม่ค่อยได้ ▶ สูญเสียความสามารถในการมองเห็น ตามัว มีจุดดำหรือเงาบังอยู่ตรงกลางภาพ ▶ เห็นสีผิดเพี้ยน ❖ อายุที่มากขึ้น สามารถพบได้ในคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ขึ้นไป การรักษาโรคจอประสาทตาเสื่อม ▶ ติดตามการรักษาตามแพทย์นัดเพื่อประเมินอาการและความผิดปกติขอจอประสาทตา ▶ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ▶ หลีกเลี่ยงแสงแดดจ้า สวมแว่นกันแดดเพื่อป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต ▶ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ และพบว่าอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี สังกะสี และลูทีน (Lutein) อาจช่วยชะลอการเสื่อมของจอประสาทตาได้ ▶ การรักษาด้วยเลเซอร์อาจมีประโยชน์ในผู้ป่วยบางราย ▶ การใช้ยาประเภทยับยั้งการสร้างหลอดเลือดจำพวก เบวาซิซูแมบ อะฟลิเบอร์เสบ แรนิบิซูแมบ ยาอาวาสติน (Avastin) ยาอายลี ยาลูเซนทิส ยามาคูเจน เป็นต้น ▶ การรักษาด้วยโฟโตไดนามิก เป็นการรักษา 2 ขั้นตอนโดยใช้ยาไวต่อแสงไปทำลายหลอดเลือดที่ผิดปกติ โดยแพทย์จะฉีดยาเข้าไปในกระแสเลือดเพื่อให้ซึมบริเวณที่หลอดเลือดมีความผิดปกติของดวงตา แล้วจึงฉายแสงเลเซอร์เย็นเข้าไปในตาเพื่อกระตุ้นยาให้ทำลายหลอดเลือดที่ผิดปกติอีกทีหนึ่ง ▶ การผ่าตัด เป็นการผ่าตัดเอาเส้นเลือดเกิดใหม่ออกมา ลูทีน (lutein) และซีแซนธิน (zeaxanthin) เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (carotenoids) ซึ่งเป็นรงควัตถุที่มีสีเหลือง ส้ม แดง มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ เสริมฤทธิ์ของวิตามินซีและวิตามินอี ยังพบสารเหล่านี้ในจอประสาทตามากที่สุดบริเวณโฟเวีย (Fovea) ซึ่งเป็นบริเวณที่รับภาพได้ชัดเจนที่สุด รงควัตถุเหล่านี้ทาหน้าที่ในการกรองแสงโดยสามารถกรองแสงได้ครอบคลุมหลาความยาวคลื่น โดยเฉพาะแสงสีฟ้าที่มีพลังงานสูงส่งผลต่อจอประสาทตามากที่สุด ซึ่งพบได้บ่อยจากแสงหน้าจอโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ตและหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นต้น จากการศึกษาในผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ให้รับประทานอาหารเสริมที่มีปริมาณลูทีน 10 มิลลิกรัมและซีแซนธิน 1 มิลลิกรัม ร่วมกับวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ เป็นเวลา 6 เดือน พบว่ามีการสะสมของรงควัตถุในประสาทตามากขึ้นและผลการทดสอบการมองเห็นมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
เอกสารอ้างอิง |