Skip to content

โรคระบาดปลายฝนต้นหนาว ที่ต้องระวังในเด็กเล็ก ชิคุนกุนยา VS ไข้เลือดออก VS RSV

ในช่วงปลายฝน ต้นหนาว คุณพ่อคุณแม่มักจะกังวลเรื่องของสุขภาพเด็ก ๆ โดยเฉพาะภาวะเจ็บป่วยของระบบทางเดินหายใจส่วนบน โดยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส อีกทั้งยังเป็นช่วงที่มีการเพาะพันธุ์ของยุงจำนวนมาก ทำให้เกิดโรคระบาดที่มาจากยุง  โดยโรคสำคัญที่มักระบาดในช่วงนี้คือ โรคชิคุนกุนยา, โรคไข้เลือดออก และ RSV (respiratory syncytial virus)

RSV คืออะไร ?

RSV มีชื่อเต็มว่า Respiratory Syncytial Virus มีสองสายพันธุ์ คือ RSV-A และ RSV-B เป็นไวรัสก่อการติดเชื้อทางเดินหายใจของเด็ก โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี และมีการระบาดเกือบทุกปี

พาหะโรคไข้เลือดออกและโรคชิคุนกุนยาหรือโรคไข้ปวดข้อ นั้นก็คือยุงลาย ซึ่งทั้ง 2 โรค มีอันตรายไม่แพ้กัน  และถ้าเกิดในเด็กอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนและรุนแรง ต่ออวัยวะสำคัญของร่างกาย เช่น ตับ ไต และหัวใจได้ข้อแตกต่างของโรคชิคุนกุนยา, โรคไข้เลือดออก และ RSV (respiratory syncytial virus)  

  โรคชิคุนกุนยา โรคไข้เลือดออก RSV
Virus ก่อโรค Chikungunya Virus เชื้อไวรัสเดงกีซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 4 สายพันธุ์ คือ DENV-1, DENV-2, DENV-3 DENV-4   Respiratory Syncytial Virus มีสองสายพันธุ์ คือ RSV-A และ RSV-B
สาเหตุ / พาหะ ยุงลายสวน, ยุงลายบ้าน ยุงลายตัวเมีย ติดต่อผ่านการหายใจเอาละอองเสมหะของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ RSV
ระยะพักตัว 2-5 วัน หลังจากถูกยุงลายกัด ระยะเวลาฟักตัวในยุง (Extrinsic incubation ; EIP) ประมาณ 8 – 12 วัน ถึงสามารถแพร่เชื้อไวรัสไปสู่คนได้
    ระยะฟักตัวในคน (Intrinsic incubation period; IIP)  ใช้เวลาประมาณ 3 – 14 วัน (เฉลี่ย 4 – 7 วัน) ถึงจะแสดงอาการ 
หลังรับเชื้อ RSV สามารถแสดงอาการได้เร็วที่สุดหลังติดเชื้อ 2 วัน ช้าที่สุดประมาณ 8 วัน โดยส่วนใหญ่เฉลี่ยอยู่ที่ 4-6 วัน
อาการ ไข้สูงเฉียบพลัน ปวดข้อและกล้ามเนื้อ มีผื่นแดงตามแขนขา ตาแดง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ท้องเสีย (ไม่มีเกล็ดเลือดต่ำจนเลือดออก) ไข้สูงลอย, ผื่นแดงจำนวนมาก, ปวดเมื่อยน้อยกว่า, เกล็ดเลือดต่ำ-มีเลือดออก ช่วงแรกมักมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดาเช่น ไข้ ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล สำหรับเด็กเล็ก (ต่ำกว่า 2 ปี) ที่ติดเชื้อครั้งแรกพบร้อยละ 20-30 ที่มีอาการโรคลุกลามไปทางเดินหายใจส่วนล่าง โดยมักแสดงอาการไข้สูง ไอแรง หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงหวีดหวิว หรือ เสียงครืดคราดในลำคอได้
การรักษา ไม่มียาเฉพาะ รักษาตามอาการ ไม่มียาเฉพาะ รักษาตามอาการ ห้ามรับประทานยาแอสไพรินและยากลุ่ม NSAID เด็ดขาดเพราะอาจทำให้เลือดออกง่ายและมากขึ้น ไม่มียาเฉพาะ รักษาตามอาการ

วิธีป้องกันโรคชิคุนกุนยา และ ไข้เลือดออก ที่สำคัญที่สุดคือการหลีกเลี่ยงไม่ถูกยุงลายกัด ซึ่งสามารถทำได้โดย

    1. ในบริเวณบ้านควรทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง  โดยไม่ให้มีน้ำท่วมขัง
    2. ปลูกต้นไม้หรือจัดสวนให้โปร่งโล่ง ให้แสงแดดส่อง
    3. นอนในมุ้งหรือห้องที่มีมุ้งลวดเพื่อป้องกันยุงกัด
    4. ช่วงที่มีการระบาดของยุงลาย ควรใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว รวมถึงทายากันยุง แม้จะเป็นเวลากลางวันก็ตาม

    การป้องกันโรค RSV ทำได้โดย เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ไม่มียาป้องกัน จึงควรป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อได้ ดังนี้
    • หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ทั้งมือของตนเองและลูกน้อย
    • การใช้แอลกอฮอลเจลถูมือช่วยป้องกันโรคได้บ้าง ยังแนะนำให้ล้างมือบ่อยๆได้ประโยชน์กว่า
    • หลีกเลี่ยงเด็กทั้งสบายดีหรือป่วยไปในที่ชุมชนหรือสถานที่แออัด
    • ทำความสะอาดบ้าน รวมทั้งของเล่นเด็กเป็นประจำ
    • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
    • ควรรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ ดื่มน้ำมากๆ และให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่อยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลา
    • สำหรับครอบครัวใดที่มีเด็กป่วยเป็นไข้หวัด ควรแยกเด็กออกจากเด็กปกติเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อ

    อ้างอิง

    พญ. ภัสสร บุณยะโหตระ. ชิคุนกุนยา อีกหนึ่งโรคร้ายจากยุงลายที่ควรรู้จัก [ออนไลน์]. 2563, แหล่งที่มา : www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/ชิคุนกุนยา.[24 พฤศจิกายน 2565]

    รศ.นพ.วินัย  รัตนสุวรรณ. ชิคุนกุนยา(Chikungunya) [ออนไลน์]. 2555, แหล่งที่มา : /www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=955#:~:text=โรคชิคุนกุน,จนช็อค%20อย่างโรคไข้เลือดออก. [24 พฤศจิกายน 2565]

    แพทย์หญิง กิจจาวรรณ เฮงคราวิทย์, รองศาสตราจารย์(พิเศษ)นายแพทย์ ทวี โชติพิทยสุนนท์. โรคติดเชื้อRSV[ออนไลน์]. แหล่งที่มา : https://www.pidst.or.th/A667.html [24 พฤศจิกายน 2565]